Touche เทคโนโลยีระบบสัมผัสสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ตลอดจนส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้คุณผู้อ่านสามารถควบคุมอุปกรณ์รอบตัวผ่านการสัมผัส ด้วยลักษณะท่าทางต่างๆ (gesture) คล้ายๆ กับระบบสัมผัสหน้าจอที่คุ้นเคย ตัวอย่างแรกที่สาธิตในคลิปเรียกว่า "ลูกบิดประตูอัจฉริยะ" ซึ่งสามารถปลดล็อคเมื่อผู้ใช้จับถูกวิธี หรือโซฟาที่สามารถเปิดทีวีให้ดู เมื่อใครก็ตามลงไปนั่งบนโซา และปิดเอง (ปิดไฟให้ด้วย) เมื่อเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นนอนบนโซฟา หรือจะเป็นตัวอย่างการใช้ Touche กับโต๊ะที่สามารถตรวจจับได้ว่า คุณกำลังใช้มือ ข้อศอก หรือแม้แต่แขนจะข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างวางลงบนโต๊ะ ระบบสามารถตรวจจับได้หมด และพร้อมจะนำไปตีความเป็นคำสั่งต่างๆ ได้ตามต้องการ Touche ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่างกายแทนอินพุตต่างๆ สำหรับควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ได้ด้วย เช่นในตัวอย่างนี้ คุณสามารถประกบนิ้วมือทั้งห้า เพื่อควบคุมการเปิดเปิด เล่นเพลง หรืออัลบัมถัดไปได้ โดยไม่ต้องแตะต้องเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลเลย ต้องยอมรับว่า Touche เป็นเทคโนโลยีสัมผัสที่เปลี่ยนโลกอย่างแท้จริง
ความ ลับของเทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากพื้นฐานการทำงานของระบบสัมผัสหน้าจอแบบ capacitive ที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนระดับแรงดันของกระแสไฟฟ้า เมื่อมีการสัมผัสหน้าจอ โดยอุปกรณ์จะคอยสอดส่องการสัมผัสจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อนำไปตีความว่า ผู้ใช้กำลังแตะบนลิงค์ หรือพิมพ์ตัวอักษรบนคีย์บอร์ดเสมือน ตลอดจนใช้นิ้วสองนิ้วขยายภาพบนหน้าจอ ซึ่งในขณะที่ระบบสัมผัสบนหน้าจอจะทำงานแค่ 2 จังหวะคือ สัมผัส หรือไม่ เทคโนโลยี Touche ของดิสนี่ย์รีเสิร์ช และคาร์เนกี้เมลลอน จะใช้วิธีสุ่มระดับแรงดันไฟฟ้าทีส่งกลับมาจากการสัมผัสหลายๆ ครั้ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นช่วงของค่าความถี่ที่ทำให้ระบบสามารถระบุได้ว่า แอคชั่นของการสัมผัสที่เกิดขึ้นคืออะไร เทคนิคนี้เรียกว่า Swept Frequency Capacitive Sensing (SFCS) โดยระบบจะเก็บข้อมูลมากกว่า และทำงานกับรูปแบบต่างๆ ของการสัมผัสได้มากกว่าแค่การแตะ หรือไม่ได้แตะ การที่ Touche สามารถรับรู้การสัมผัสได้หลากลายกว่า หรือจะกล่าวว่า มันสามารถรู้จำท่าทางการสัมผัสที่แตกต่างกันได้นั้น ทำให้ Touche ตรวจจับผลลัพธ์ได้แม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ หากระบบนี้ถูกนำมาใช้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ที่ต้องการการสัมผัสจะผู้ใช้ได้ อุปกรณ์รอบตัวเราก็จะสามารถโต้ตอบกับเราได้นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก : arip
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น