หน้าแรก

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

iPhone5 น่าซื้อ หรือไม่

iPhone5 น่าซื้อ หรือไม่ หลายคนคงอยากรู้วันผมจะมารีวิวแบบคร่าว ๆ บ้าน ๆ ของผมให้ดูกัน

สเปกของ iPhone5 เมื่อเทียบกับ iPhone4s แล้วก็ไม่ได้แต่ต่างกันมากเท่าไร ความเร็วเพิ่มขึ้นมาแค่สองเท่า ถ้าไม่ได้เล่นเกมคงไม่มีความรู้สึกเท่าไร

ความสามารถ iPhone5 กับ iPhone4s แล้วเมื่ออัพ ios6 แล้วสามารถ ใช้ฟังก์ชั่นเดียวกันได้ทั้งหมด

หน้าจอ iPhone5  จะได้เปรียบตรงที่ว่ายาวขึ้นแต่ไม่ได้กว้างขึ้น เมื่อเทียบกับ iPhone4s

ความละเอียดหน้าจอของiPhone5 เพิ่มขึ้น เป็นแบบ HD มากกว่า iPhone4s แต่ในระดับความรู้สึกผมว่าก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร


กล้องหลัง iPhone5 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เพิ่มความสารถในการถ่ายรูปในที่มืดได้ดีขึ้น สำหรับ iPhone4s ความละเอียด 8 ล้านพิเซลเท่ากัน เรื่องของกล้องก็ไม่มีอะไรที่จะแตกต่างไปจากเดิมเท่าไร ใน iPhone5  กับ  iPhone4s สำหรับในโหมดพาโนลามามีเพิ่มเข้ามาทั้ง iPhone5 และ iPhone4s

 
รูปทรง iPhone5  กับ iPhone4s  ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบจากเดิมไปมากเท่าไร เพียงแต่ว่า  iPhone5  จะบางลง และยาวขึ้นเท่านั้น มีการเปลี่ยนรูปแบบพอร์ตการเชื่อมต่อที่เล็กลงเพิ่มคาวมเร็วของการโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วขึ้น และย้ายช่องต่อหูฟังลงมาด้านล่าง 

สรุป 


สำหรับคนที่ไม่เคยมีไอโฟนครอบครองมาก่อนและอยากเป็นสาวกศาสดาแห่งแอปเปิ้ลผมแนะนำให้ซื้อ iPhone5  ครับ

สำหรับคนที่มี iPhone4s อยู่ในครอบครองผมว่ายังไม่ค่อยมีแรงจูงใจเท่าไรในการที่จะแนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ iPhone5   ครับ (สำหรับคนที่มีทุนทรัพย์และอยากเปลี่ยนไปใช้รุ่นใหม่ ๆ และเป็นสาวกขนานแท้ก็ ตามสบายครับ)

สำหรับคนที่ใช้ iPhone4  ถ้าอยากจะใช้ฟังก์ชั่นใหม่ ๆ หรืออยากได้เครื่องที่เร็วขึ้น โทรเฟสไทม์ผ่านเครือข่ายได้ ถ่ายรูปแบบพาโนราม่าได้ ก็ iPhone5  เลยครับ (สำหรับคนที่ไม่มีทุนทรัพย์ หรือไม่ต้องการ ฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย ก็ยังใช้ iPhone4 ต่อไปได้ครับ ซึ่งรูปทรงก็ยังไม่ตกยุค อีกด้วย)

ส่วนคนที่ใช้ iPhone 3g 3gs อยากจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ก็ iPhone5   ได้เลยครับท่านจะได้อะไรที่แตกต่างจากเดิมมากขึ้นครับ (หรือ อยากจะประหยัดเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยก็ iPhone4s  ซึ่งตอนนี้ได้ปรับลดราคาลงมาอยู่ที่ 19,500฿ สำหรับรุ่น 16 GB) 

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จบสิ้นกันเสียทีคดีระหว่าง Apple & Samsung

ศาลแคลิฟอร์เนียได้ออกคำตัดสินคดีแอปเปิล-ซัมซุงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานนี้ซัมซุงต้องจ่ายค่าเสียหายกับแอปเปิลเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ จากคดีที่ทั้ง 2 บริษัทได้ฟ้องร้องกล่าวหากันเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรหลายรายการ ซึ่งคณะลูกขุนใช้เวลาประชุมหารือร่วมกันทั้งหมด 21 ชั่วโมง กับอีก 37 นาที หลังจากการแถลงปิดคดีเสร็จสิ้นลง ซึ่งถือว่าทำงานกันรวดเร็วมากเมื่อเทียบกับรายละเอียดของคดีที่มีอยู่ค่อนข้างเยอะ
ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดคำตัดสินก็ขอสรุปเนื้อหาฟ้องร้องคร่าวๆ ก่อนครับ แอปเปิลฟ้องซัมซุงละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบ UI เรื่อง Bounce-back, Multi-touch, Pinch-to-Zoom และ Tap-to-Zoom รวมถึงสิทธิบัตรการออกแบบตัวเครื่อง ตลอดจนการจัดเรียงและหน้าตาไอคอน โดยโทรศัพท์รุ่นหลักในการฟ้องร้องคือ Galaxy S และ S II ส่วนซัมซุงก็ฟ้องแอปเปิลกลับเช่นกัน โดยเป็นสิทธิบัตรการออกแบบเรื่องการทำงานหลายอย่างขณะฟังเพลง, การสลับอัลบั้มภาพและกล้อง ไปจนถึงสิทธิบัตรว่าด้วยกระบวนการส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย โดยมี iPhone 4 เป็นโทรศัพท์หลักในการฟ้องร้อง
คำตัดสินระบุว่า
  • ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร Bounce-back ('381) ของแอปเปิลในอุปกรณ์ทุกรุ่น
  • ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร Multi-touch และ Pinch-to-Zoom ('915) ในโทรศัพท์ 3 รุ่น (Ace, Intercept and Replenish)
  • ซัมซุงละเมิดสิทธิบัตร Tap-to-Zoom ('163) ในโทรศัพท์เกือบทุกรุ่น ยกเว้น Captivate, Indulge, Intercept, Nexus S 4G, Transform และ Vibrant
  • การละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุง ส่งผลกระทบต่อยอดขาย iPhone
  • Galaxy Tab ไม่ละเมิดสิทธิบัตรการออกแบบของ iPad
  • มูลค่าความเสียหายที่ซัมซุงต้องจ่ายให้แอปเปิลคือ 1,049,343,540 ดอลลาร์ หรือประมาณ 40% ของที่แอปเปิลเรียกค่าเสียไว้ตอนแรกที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ค่าเสียหายแยกตามรุ่นโทรศัพท์ - The Verge)
  • นอกจากนี้ศาลยังระบุว่าซัมซุงยังละเมิดกฎหมายผูกขาดทางการค้า เรื่องมาตรฐานเครือข่าย UMTS
  • ในส่วนของแอปเปิลที่ถูกซัมซุงฟ้องกลับนั้น ศาลตัดสินว่าแอปเปิลไม่ละเมิดสิทธิบัตรของซัมซุงแม้แต่รายการเดียว จึงไม่มีค่าเสียหายที่แอปเปิลต้องจ่าย

ภายหลังคำตัดสิน ซัมซุงได้ออกแถลงการณ์มีใจความดังนี้
แอปเปิลไม่ควรถูกมองว่าเป็นผู้ชนะจากคำตัดสินวันนี้ แต่ผู้บริโภคในอเมริกาทั้งหมดต่างหากที่เป็นผู้แพ้ เพราะคำตัดสินวันนี้จะส่งผลให้นวัตกรรมเกิดขึ้นน้อยลง นวัตกรรมที่มีอยู่ก็จะมีราคาสูงขึ้น โชคร้ายที่กฎหมายสิทธิบัตรยอมให้บริษัทแห่งหนึ่งสามารถผูกขาดสี่เหลี่ยมผืน ผ้ามุมโค้งได้ ซึ่งแท้จริงผู้บริโภคควรมีสิทธิที่จะเลือกสินค้าเหล่านี้ได้หลายตัวเลือก อย่างไรก็ดีนี่ไม่ใช่คำตัดสินสุดท้าย เพราะเรายังมีคดีฟ้องร้องกันอีกในศาลทั่วโลก หลายแห่งแอปเปิลก็เป็นฝ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นซัมซุงก็จะไม่หยุดพัฒนานวัตกรรมและสร้างทางเลือกที่หลากหลาย ให้กับผู้บริโภค
แก้ไขตัวเลขค่าเสียหายหลังมีการโต้แย้ง, เพิ่มเติมความเห็นจากแอปเปิล และขั้นตอนถัดไป ด้านแอปเปิลก็ออกแถลงการณ์เช่นกันมีใจความดังนี้ครับ
เราขอขอบคุณคณะลูกขุนสำหรับการต้องเสียเวลาฟังเรื่องราวที่ ผ่านมา และเรารู้สึกตื่นเต้นมาที่ในที่สุดก็ได้บอกเล่าเรื่องเหล่านี้ หลักฐานทั้งหมดในการพิจารณาคดีได้เผยให้เห็นแล้วว่าซัมซุงลอกเลียนเรามากมาย เกินกว่าที่เรารับรู้เสียอีก คดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงนี้เป็นมากกว่าเรื่องของสิทธิบัตรและตัวเงิน แต่มันคือเรื่องของมูลค่า ที่แอปเปิลเราให้มูลค่ากับนวัตกรรมและการเป็นต้นแบบ เราอุทิศชีวิตเพื่อผลิตสินค้าที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ เราทำสินค้าที่ลูกค้ามีความพึงพอใจจะใช้มัน ไม่ได้ผลิตมันเพื่อให้คู่แข่งเอาไปลอกเลียนแบบ เราขอปรบมือให้กับศาลที่ช่วยพิสูจน์สิ่งที่ซัมซุงกระทำ และช่วยส่งคำตัดสินว่าการขโมยของคนอื่นนั้นไม่ถูกต้อง
ในขั้นตอนถัดไปแอปเปิลก็จะยื่นต่อศาลเพื่อขอระงับการจำหน่ายสินค้าซัมซุง ที่ละเมิดสิทธิบัตรภายใน 7 วัน และศาลจะนัดฟังคำตัดสินอีกครั้งในวันที่ 20 กันยายน

Cr. http://www.blognone.com/node/35391

10 วิธีใช้งาน SmartPhone อย่าง "Smart"


SmartPhone ...เมื่อพูดถึงคำนี้ หลายคนคิดว่า มันจะทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น? ทำให้เราทำงานสำเร็จลุล่วง? แต่ยังก่อน จนกว่าคุณจะอ่านบทความนี้จบ และทบทวนว่าวันนี้คุณใช้สมาร์ทโฟนอย่าง "สมาร์ท" แล้วหรือยัง

โทรศัพท์ได้รับความนิยมและใช้งานต่อเนื่องมาอย่างยาวนานจนกระทั่งการมา ของ "iPhone" ได้เปลี่ยนความคิดของการใช้โทรศัพท์แบบเดิม และเกิดนิยามคำว่าสมาร์ทโฟนขึ้นมาได้ชัดเจนและเห็นภาพมากขึ้น
Steve Job เคยกล่าวนิยามของ SmartPhone ไว้ว่า"ปัญหาของ smartphone คือ...มันไม่ได้สมาร์ทซะทุกอย่างเหมือนที่ชื่อบอกและมันก็ไม่ได้ง่ายต่อการ ใช้งานนัก"

มีข้อสงสัยว่าสมาร์ทโฟนเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเรามากเกินไปหรือ เปล่า? คนส่วนใหญ่ไม่ออกจากบ้านโดยไม่พกสมาร์ทโฟน และถ้านึกขึ้นได้ว่าลืม พวกเขามักจะกลับไปเอา เรียกว่าขาดไม่ได้ ว่างั้นเถอะ
ยังมีหลายคนที่ยอมรับว่าสมาร์ทโฟนนั้นชอบแทรกตัวเข้ามาในระหว่างดำเนิน ชีวิตประจำวัน และเป็นสาเหตุหลักของความวุ่นวายใจ ไหนจะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว เรื่องแฟน ยังต้องมีเรื่องโทรศัพท์อีก ... โอ้ชีวิต !@#$%

10 วิธีการใช้งาน SmartPhone อย่างชาญฉลาด (Be Smarter About Your Smartphone)
1. รู้วิธีใช้งาน : ถ้าคุณมีสมาร์ทโฟนสักเครื่องและอยากจะใช้งานฟีเจอร์ดีๆ ที่มันมี โปรดมั่นใจว่าคุณทำความคุ้นเคยและเรียนรู้วิธีการใช้งานมันจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องของการท่องอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ, ปรับขนาดภาพวิดีโอตามความเหมาะสม ทั้งหมดนี้มีสอนบน Youtube อย่าพลาดที่จะเรียนรู้และหัดใช้ให้เป็น
2. รู้ว่าจะปิดเสียงยังไง : ถ้าคุณเรียนรู้ข้อ 1 เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมดูวิธีปิดเสียงโทรศัพท์ของคุณ มันแปลกมากที่คนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนทั้งๆ ที่ไม่ทราบวิธีปิดเสียง มันคงไม่ดีนักถ้าคุณประชุมอยู่แล้วสมาร์ทโฟนดังขึ้น คนอื่นคงไม่มองว่ามัน "สมาร์ท" แล้วกระมัง
3. เรียนรู้มารยาท กาละเทศะ : หรืออะไรก็ตามแล้วแต่จะเรียก ไม่มีใครคนไหนอยากฟังเสียงคุณคุยโทรศัพท์หรอกนะ เชื่อสิ! หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในที่สาธารณะ เช่น ในโรงภาพยนต์ โรงพยาบาล ร้านอาหาร และที่ๆ มีคนอยู่เยอะ หากต้องรับสายมันคงจะดีกว่าถ้าคุณจะออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
4. ใช้อย่างระมัดระวัง : สมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในหายนะของการขับรถ หากจำเป็นต้องสนทนา เลือกใช้ชุดหูฟังเพื่อความปลอดภัยของชีวิตคุณและผู้โดยสารดีกว่า
5. ปิดการแจ้งเตือนอีเมล : อีเมลบนสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่ง ในตัวสร้างเสียงรบกวนที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องเช็คเมลทุกๆ 30 วินาทีหรอกนะ ถ้าไม่ใช่นักธุรกิจที่ต้องติดต่องานมูลค่าหลายล้าน ขอแนะนำให้ปิดเสียงเตือนอีเมลในโทรศัพท์ ยกเว้นจำเป็นต้องตรวจเช็คอีเมลบ่อยจริงๆ (บ่อยครั้งที่เป็นอีเมลไร้สาระ ไม่เห็นน่าสนใจ)
6. ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด : คุณแน่ใจหรือว่าจะเปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง ? ต้องดูทุกความเคลื่อนไหว ? ปิดไปซะบ้าง จะเห็นว่าชีวิตคุณมีเวลาเหลืออีกเพียบ!
7. ทำความสะอาดเครื่อง (ข้างในระบบ) : ถึงแม้คุณจะมี พื้นที่เก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมหาศาลแค่ไหน ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องโหลดแอพพลิเคชั่นมาทุกตัว เลือกใช้เฉพาะที่ใช้งานจริง พนันกันได้เลยว่ามีแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่เคยเปิดใช้อยู่ในสมาร์ทโฟนแน่นอน
8. เก็บมันใส่กระเป๋า : ไม่จำเป็นต้องมองเห็นสมาร์ทโฟน วางอยู่บนโต๊ะ หรืออยู่ในห้องประชุม รอคอยเวลาให้มันสั่นหรอกนะ เมื่อคุณไม่ใช้มัน เก็บใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าดีกว่า ไม่เสี่ยงต่อการสูญหายด้วย
9. สำรองข้อมูล : อย่าประมาท เพราะสิ่งสำคัญนอกจากการที่โทรศัพท์หาย นั่นคือข้อมูลก็หายไปด้วย รายชื่อติดต่อมากมาย ? ภาพส่วนตัว ? โปรดแน่ใจว่าคุณสำรองข้อมูลเป็นประจำ หากคุณใช้ iPhone มันเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงสำรองข้อมูลผ่าน iCloud (คนส่วนใหญ่ มักละเลยข้อนี้)
10. ตรวจสอบค่าใช้จ่าย : มั่นใจมากว่ามีหลายคนที่ใช้ สมาร์ทโฟนแล้วต้องเสียเงิน "แพงกว่าความเป็นจริง" ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่ใช้งานจริง และเลือกโปรโมชั่นหรือการใช้งานที่เหมาะสม อย่ามองว่าต้องมีแพคเกจบุฟเฟต์ Unlimited ในขณะที่ใช้จริงแค่ไม่กี่ร้อยบาท เสียดายเงิน!
มีอีกหลายวิธีที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างชาญฉลาด อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของเทคโนโลยี คือช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่าใช้งานสมาร์ทโฟนแพงๆ เพราะสักแต่ว่า ต้องมี ต้องเท่ห์ เพราะว่าพรุ่งนี้...มือถือของคุณ..ก็กลายเป็นรุ่นเก่าแล้ว!!!

เครดิต : siamphone

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเข้า DFU Mode

การเข้า DFU Mode เพื่อที่จะทำการ Restore firmware นะครับ วีธีการนี้ทำได้ทั้ง iPhone และ iPod Touch ครับ

หลักการ ที่เป็นคำอธิบาย
* ปิดเครื่อง
** ต่อ iPhone กับคอม
*** กดปุ่มเปิดค้างประมาณ 3 วินาที จะเห็นโลโก Apple
**** กด Home ค้าง (ปุ่มปิด/เปิดค้างด้วย) ประมาณ 10 วินาที
***** ปล่อยปุ่ม ปิด/เปิด ออก แต่ยังคงกด Home ไว้ รอประมาณ 30 วินาที หรือน้อยกว่านั้น ให้สังเกตที่คอม จะพบว่า itune พบ iphone ของเราแล้ว แต่ว่าืั้ที่หน้าจอ iphone จะไม่ติดนะครับ จากนั้นเราสามารถทำการ Restore iphone firmware ได้


ข้อควรจำ การ restore

** Windows กด Shift+Restore
** Mac กด Option+Restore

จากนั้นจะเข้าขั้นตอนการ Jailbreak iPhone ครับ
มาดูวีดีโอครับ อันแรกตัวอย่างการเข้า DFU Mode ของ iPhone




วีดีโอชุดที่สอง การเข้า DFU Mode ของ iPod Touch




ขอบคุณวีดีโอจาก youtube.com

ที่มา  http://www.iphonemod.net/dfu-mode.html

วิธีการ Backup และ Restore เครื่องด้วย iCloud (IOS5)

การ Backup และ Restore เป็นอะไรที่หลายคนทำเป็นประจำ จนมาถึง iOS 5 ที่ทาง Apple ชูจุดเด่นว่าถึงแม้จะไม่มีคอมฯก็สามารถใช้งานได้โดยมี iCloud มาเป็นตัวรองรับความสามารถนี้ แต่ถึงอย่างนั้นหลายๆคนก็ยังคงงงอยู่ดี วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการใช้ Backup และ Restore เครื่องด้วย iCloud กัน และความสามารถอื่นๆสามารถอ่านได้จาก 10 ประโยชน์ของ iCloud ที่ควรรู้ ครับ

ข้อจำกัดของการ Backup ด้วย iCloud:
- ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลภายใน App รวมถึงภาพที่ถ่ายเองใน Camera Roll จะถูก Backup ทั้งหมด
- เพลงและวีดีโอที่ซื้อจาก iTunes Store เท่านั้นที่จะถูก Backup
- เพลงและวีดีโอที่ Sync ลงมาจาก iTunes จะไม่ถูก Backup ต้องไป Sync จากคอมฯมาใหม่
- App ในเครื่องจะถูกดาวน์โหลดจาก AppStore ใหม่มาเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดในขั้นตอน Restore
- การดาวน์โหลดข้อมูลและ App ผ่านทาง Wi-Fi มักจะใช้เวลานานมาก ขึ้นอยู่กับความเร็วอินเตอร์เน็ท

วิธีการ Backup iPad / iPhone บน iCloud:
- เปิดใช้การ Backup ด้วย iCloud โดยไปที่ Settings -> iCloud -> Storage & Backup
- เลือกที่คำว่า iCloud Backup ให้เป็น On
- เครื่องจะทำการ Backup กับ iCloud เองวันละครั้งเมื่อเครื่องอยู่ในสภาวะทั้ง 3 อย่างนี้ครบถ้วน
  - เครื่องจะต้องเสียบไฟอยู่
  - เครื่องจะต้องต่อ WiFi อยู่
  - เครื่องจะต้องปิดหน้าจออยู่
- อีกทางคือการกดปุ่ม Backup Now ในหน้า Storage & Backup ขณะต่อ WiFi เพื่อเริ่ม Backup ทันที


เปิดใช้งาน iCloud Backup

เนื่องจาก Apple ให้พื้นที่บน iCloud กับเราเพียง 5GB เท่านั้น (สามารถซื้อเพิ่มได้) ฉะนั้นหลายๆคนอาจจะต้องบริหารพื้นที่โดยการเลือกว่าจะ Backup ข้อมูลจาก App ใดบ้าง โดยสามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Settings -> Storage & Backup -> Manage Storage -> เลือกเครื่องที่ใช้งานอยู่ -> ปิด App ที่ไม่ต้องการ Backup ได้

เลือกปิดรายการที่ไม่ต้องการ Backup

วิธีการ Restore iPad / iPhone จาก iCloud:
การ Restore จาก iCloud นั้นจะสามารถทำได้เฉพาะหน้า Setup Assistant เท่านั้ัน โดยถ้าเป็นเครื่องที่ซื้อมาใหม่ในตอนเปิดครั้งแรกก็จะสามารถทำตามขั้นตอน ด้านล่างนี้ได้ทันที ส่วนเครื่องที่ใช้งานมาแล้วและต้องการที่จะ Restore จะต้องทำการล้างเครื่องโดยไปที่ Settings -> General -> Reset -> Erase All Content and Settings โดยในขั้นตอนการ Restore นี้เครื่องจะต้องต่อ WiFi เท่านั้น

เลือก Erase All Content and Settings

- ทำตามขั้นตอนบนหน้า Setup Assistant จนไปถึงหน้า Setup iPad / Setup iPhone
- เลือก Restore from iCloud Backup

เลือก Restore from iCloud Backup - Credit: Waffle Bytes

- ใส่ Apple ID และ Password ที่เราใช้กับ iCloud ในการสร้าง Backup
- เลือกไฟล์ Backup ที่เราต้องการ (ดูจากวันที่และเวลา)

ขั้นตอนการ Restore จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือการ Restore Settings ต่างๆของเครื่อง ซึ่งระหว่างนี้อาจจะมีการถาม Password ต่างๆที่เราใช้งาน และส่วนถัดมาคือการ Restore App โดยเราจะเห็น App ต่างๆเริ่มถูกดาวน์โหลดลงมา ถ้าเราต้องการเร่ง App ใดเป็นพิเศษให้แตะที่ App นั้นแล้วเครื่องจะจัดลำดับความสำคัญให้กับ App นั้นเป็นลำดับแรกครับ

ที่มา : ipadappz.com

วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555

รวบรวมข่าวสารทั้งหมดสำหรับ iPhone5 มาให้ดูกันนะครับ


อัพเดทข่าวล่าสุด เกี่ยวกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5)

สำหรับคลิปวิดีโอ กรอบหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในวันนี้นั้น ถูกโพสโดยบริษัทผู้ส่งออกชิ้นส่วน ที่มีชื่อว่า eTradeSupply ครับ โดยในคลิปนั้น ได้อ้างว่า นี่คือกรอบด้านหลังของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ โดยวัสดุที่ใช้ผลิตส่วนใหญ่นั้น จะเป็นวัสดุประเภทเมทัล หรือโลหะ และมีลักษณะแบบ two-tone ครับ
ภาพหลุดกรอบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
จริงๆ แล้ว ถ้าหากท่านใดจำได้ กรอบด้านหลังแบบนี้ เคยมีภาพหลุดออกมาแล้วครั้งหนึ่งครับ เพียงแต่คลิปวิดีโอนี้ ต้องการให้เห็นในหลายๆ มุมมองเสียมากกว่า ซึ่งความแตกต่างระหว่างกรอบด้านหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5) เมื่อเทียบกับ iPhone 4S ก็ได้แก่
- Dock connector มีขนาดเล็กลง
- ช่องเสียบหูฟังย้ายมาอยู่ด้านล่าง
- ซิมการ์ด ไม่ใช่แบบ microSIM แล้ว น่าจะเป็น nanoSIM
- ตัวเครื่อง ไอโฟน 5 (iPhone 5) บางกว่า iPhone 4S




ย้ำปิดท้ายไว้เช่นเคยครับว่า ยังไม่มีการยืนยันว่า นี่คือชิ้นส่วน ไอโฟน 5 (iPhone 5) จริงๆ หรือไม่ - macrumors.com
ปรับกล้องหน้า ไอโฟน 5 (iPhone 5) ให้มีความละเอียดแบบ HD?
นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการปรับขนาดหน้าจอเป็น 4 นิ้ว ตามคำยืนยันของแหล่งข่าวหลายแห่งแล้ว ล่าสุด นักวิเคราะห์จากสถาบัน KGI นามว่า Mingchi Kuo ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีปรับกล้องหน้า สำหรับการใช้งาน FaceTime ให้มีความละเอียดในระดับ HD 720p จากเดิมที่มีความละเอียดระดับ VGA ครับ
ภาพหลุด ตำแหน่งใหม่ของกล้องหน้า บน ไอโฟน 5 (iPhone 5)
โดยการเพิ่มความละเอียดให้กับกล้องหน้านี่เอง จึงทำให้ต้องมีการย้ายตำแหน่งของกล้องหน้า จาก เดิมที่อยู่ด้านซ้ายของลำโพงสนทนา มาเป็นด้านบนของลำโพงสนทนา หรือตำแหน่งเดียวกับ iPod Touch ครับ ซึ่งข้อมูลจาก Mingchi Kuo นี้ ตรงกับ ภาพหลุด ไอโฟน 5 (iPhone 5) ล่าสุด ที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งกล้องหน้านั่นเอง ส่วนขนาดหน้าจอ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังคงอยู่ที่ 4 นิ้ว เท่ากับข่าวลือก่อนหน้า
นอกจากนี้ รายงานยังได้ระบุด้วยว่า ในส่วนของรูรับแสง (Aperture) บนกล้องด้านหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ได้มีการเพิ่มขนาด จากเดิม f/2.4 เป็น f/2.2 ส่วนความละเอียดของกล้องนั้น ยังคงอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิมครับ
Mingchi Kuo ยังได้เปิดเผยอีกว่า ถึงแม้ว่า ความละเอียดจะยังคงอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้มีการเปลี่ยน CCM และเลนส์ TTL ให้มีขนาดที่บางลงกว่ารุ่นก่อน ซึ่งจะมีผลทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีความหนาของตัวเครื่อง เพียงแค่ 7.9 มิลลิเมตรเท่านั้น
สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น คาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงครบรอบ Product cycle พอดีนั่นเอง ส่วนหน้าตาของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) รวมไปถึงสเปคนั้น ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการครับ - appleinsider.com
ภาพหลุดชิ้นส่วน ไอโฟน 5 (iPhone 5)
เว็บไซต์ Macotakara ในประเทศญี่ปุ่น ได้โพสภาพที่อ้างว่า เป็นชิ้นส่วนของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ อีกทั้งยังได้วัดขนาดความสูง เทียบกับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) พบว่า สูงกว่าประมาณ 1 เซนติเมตร และวัดขนาดหน้าจอได้ที่ 10.33 เซนติเมตร หรือประมาณ 4.07 นิ้ว ซึ่ง ถือว่า ใกล้เคียงกับขนาดในแบบพิมพ์เขียวครับ (ในแบบพิมพ์เขียววัดได้ 4.08 นิ้ว) ส่วนความกว้างของหน้าจอ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในคลิปวิดีโอ จะเห็นได้ว่า มีการเปลี่ยนตำแหน่งของกล้องด้านหน้า ไปไว้ด้านบนของลำโพงสนทนาด้วย ชมได้จากคลิปวิดีโอครับ - 9to5mac.com





ภาพพิมพ์เขียว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยืนยันหน้าจอใหญ่ขึ้นจริง
หลังจากปรากฎภาพ กรอบด้านหน้าและหลังของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) (ข่าวเก่า) กับส่วนประกอบต่างๆ ที่ดูเหมือนว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีการออกแบบที่แตกต่างไปจาก iPhone รุ่นปัจจุบัน ล่าสุด เว็บไซต์ Cydia blog ได้เผยภาพพิมพ์เขียว ซึ่งเป็นแบบร่าง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น มีขนาดหน้าจอที่กว้างขึ้น และที่สำคัญ รายละเอียดในแบบพิมพ์เขียวนั้น สอดคล้องกับรูปหลุดกรอบด้านหน้าและหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ
ข้อมูล ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในแบบพิมพ์เขียวนั้น ระบุความสูงของตัวเครื่อง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ไว้อย่างชัดเจนครับ โดยมีขนาดความสูงอยู่ที่ 122 มิลลิเมตร ยาวกว่า iPhone 4S ประมาณ 7 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณแล้ว พบว่า หน้าจอ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีขนาดกว้างอยู่ที่ 4.08 นิ้ว นอกจากนี้ ตำแหน่งของกล้องหน้า ยังย้ายไปอยู่ด้านบนของลำโพงสนทนา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับภาพหลุดอีกด้วยครับ - macrumors.com
คอนเซปท์ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในสไตล์ Liquid Metal
ในขณะนี้ เรายังคงไม่สามารถสรุปได้ว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะใช้วัสดุประเภทใด แต่ในระยะหลังนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับวัสดุประเภท Liquid Metal มาแรงมากครับ ทำให้เชื่อกันว่า บอดี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมี Liquid Metal เป็นส่วนประกอบ ไปดูกันว่า ถ้าหากบอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ทำมาจาก Liquid Metal จริง จะมีลักษณะ และรูปร่างเป็นอย่างไร
iPad mini มีจริงหรือ??? เมื่อแหล่งข่าวเผย ไอโฟน 5 (iPhone 5) เปิดตัวหลัง iPad mini 1 เดือน
แหล่งข่าว DigiTimes จากไต้หวัน ได้เปิดเผยว่า โรงงาน Pegatron ผู้ผลิตสินค้าแอปเปิ้ล ได้รับคำสั่งให้ผลิตไอโฟนรุ่นใหม่ หรือ ไอโฟน 5 (iPhone 5) แล้ว โดยคาดว่า จะเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ราวๆ เดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ นอก จากนี้ โรงงาน Pegatron ยังได้รับตารางงาน เกี่ยวกับการเริ่มผลิต ไอแพดรุ่นใหม่ ขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว ประมาณช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้อีกด้วย หลังจากที่เพิ่งเปิดตัว The new iPad (iPad 3) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นอกจากโรงงาน Pegatron จะได้รับคำสั่งแล้ว ทางฝั่งของโรงงาน Foxconn ที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันดีนั้น ก็กำลังเร่งผลิต ไอแพด (iPad) ขนาด 7 นิ้วเช่นกันครับ เพื่อให้ทันเปิดตัวในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้นั่นเอง หรือเปิดตัวก่อนหน้าการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ประมาณ 1 เดือนครับ
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกระแสข่าวของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กับ iPad 7 นิ้ว แล้ว ดูเหมือนว่า iPad 7 นิ้ว จะมีข่าวคราวค่อนข้างมากกว่าเล็กน้อยครับ รวมไปถึงรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวเครื่องด้วย ไม่่ว่าจะเป็น หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7.85 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่เท่ากับ ไอแพด 2 (iPad 2) นั่นเอง โดยการกำหนดคุณสมบัติแบบนี้ จะทำให้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีอยู่บน AppStore นั้น สามารถใช้งานบน iPad 7 นิ้วได้อย่างไม่มีปัญหาครับ - macrumors.com
ไอโฟน 5 (iPhone 5) ใช้เทคโนโลยีแบบ in-cell
สำนักข่าว Central News Agency จากประเทศไต้หวัน ได้อ้างอิงข้อมูลจากนักวิเคราะห์นามว่า David Hsieh ซึ่งระบุว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใช้เทคโนโลยีการสร้างหน้าจอแบบ in-cell ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น มาใช้ผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ โดยเทคโนโลยีแบบ in-cell นี้ จะทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอที่บางลงกว่าเดิม
ปกติแล้ว สมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป จะใช้เทคโนโลยีแบบ on-cell แต่เทคโนโลยีแบบ in-cell นี้ สามารถทำให้สมาร์ทโฟนมีขนาดที่บางลงได้ เนื่องจากตัว touch sensors นั้น มาอยู่รวมกับ color filters แทน ซึ่งถ้าหากเป็นสมาร์ทโฟนปกติ ตัว touch sensors จะอยู่ด้านบนครับ ฉะนั้น เทคโนโลยีแบบ in-cell จะช่วยทำให้ Apple ลดความบางของหน้าจอลงได้ แถมมีน้ำหนักเบา โดยที่ไม่จำเป็นต้องลดสเปคในส่วนอื่นๆ ครับ
ส่วนบริษัทที่จะรับหน้าที่ในการผลิตจอแสดงผลแบบ in-cell นี้ ก็ได้แก่ Sharp และ Toshiba ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาสนี้ - macrumors.com
บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนจากกระจก มาใช้ Liquid Metal
แหล่งข่าวล่าสุด ได้ระบุว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนจากวัสดุประเภทกระจก ซึ่งใช้บน iPhone 4 และ iPhone 4S มาเป็นวัสดุแบบ Liquid Metal แทนครับ และแน่นอนว่า การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะแตกต่างไปจาก iPhone 4S อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านั้น Apple ได้เคยซื้อสิทธิบัตร Liquid Metal technology มาแล้ว (แต่ก่อนเป็นของบริษัท Liquidmetal Technology) และได้นำมาผลิตเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด ดังที่เราเห็นกันทั้งบน iPhone และ iPad โดย Liquid Metal นั้น เป็นโลหะผสมระหว่าง ทองแดง (Copper) + ไทเทเนียม + เซอร์โคเนียม + นิกเกิล ซึ่งมีลักษณะพิเศษ นั่นก็คือ ป้องกันแรงขีดข่วน แรงกระแทก และการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ การใช้ Liquid Metal เป็นส่วนประกอบนั้น จะช่วยทำให้อุปกรณ์นั้น มีความบางลงด้วยครับ
จากคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นของ Liquid Metal นั้น ทำให้คาดกันว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะใช้วัสดุประเภท Liquid Metal แทนการใช้กระจกแบบ iPhone เจเนอเรชั่นก่อนๆ ที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย แต่อาจจะเป็นตัวเครื่องแบบ Unibody Liquid Metal ครับ เนื่องจากต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน - geekwithlaptop.com
ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว????
นักวิจัยด้านการตลาด จากสถาบัน Topeka Capital Markets นามว่า Brian White ได้เปิดเผยผลการสำรวจล่าสุด หลังจากที่ได้ไปเยือนบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้กับ Apple ในแถบเอเชีย ซึ่งพบว่า จากการพูดคุยกับ supplier หลายราย คาดกันว่า Apple น่าจะใช้หน้าจอขนาด 4 นิ้ว สำหรับการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ นอกจากนี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่อีกด้วย แต่ยังคงเป็นสไตล์ unibody เช่นเดิม ซึ่ง Brian White เปิดเผยว่า ดีไซน์ใหม่นี่เอง ที่จะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผู้บริโภค หันมาใช้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันมากขึ้นครับ
นอกจากนี้ Brian White ยังได้เปิดเผยอีกว่า กระบวนการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนจะเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ประมาณเดือนสิงหาคม - กันยายน ซึ่งทำให้ข่าวการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในเดือนมิถุนายนนี้ ตกไปครับ
Brian White ยังได้ระบุอีกว่า นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการออกแบบใหม่แล้ว ยังเพิ่มการรองรับ 4G อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ปัญหาที่ตามมาก็คือ ความละเอียดของหน้าจอครับ ทำให้มีทางเลือก 2 ทาง นั่นก็คือ เพิ่มความละเอียดของหน้าจอให้มากขึ้น แต่วิธีนี้ จะสร้างความลำบากให้กับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นครับ หรือทางเลือกที่ 2 นั่นก็คือ ลดความหนาแน่นของพิกเซลมาอยู่ที่ 285 ppi แทน (จากเดิม 326 ppi)
นอกจากนี้ Brian White ยังได้รับข้อมูลจาก supplier ด้วยว่า iPad mini มีจริงครับ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่ - macrumors.com
สำหรับสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) คาดว่า คงได้ทราบรายละเอียดสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) อย่างไม่เป็นทางการกันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คาดว่า น่าจะมีขนาด 4 นิ้ว หรือใหญ่กว่า, ระบบประมวลผลแบบ Quad-core Processor ชิป Apple A6, รองรับ NFC รวมไปถึงกระจกแบบ Gorilla Glass 2 ด้วย
นอจากนี้ ยังมีข่าวว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพ ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แบบ 3 มิติได้ครับ
จริงๆ แล้ว การนำเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ หรือ 3D นั้น มาใช้บนสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในปีที่ผ่านมา มีสมาร์ทโฟนที่เปิดตัว พร้อมกับการถ่ายภาพแบบ 3 มิติกันหลากหลายรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น LG Optimus 3D หรือ HTC EVO 3D แต่เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวได้เปิดเผยว่า แตกต่างจากสมาร์ทโฟน 3 มิติรุ่นอื่นๆ โดยเป็นเทคโนโลยีที่ทาง Apple คิดค้นขึ้นเอง และได้ทำการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับรายละเอียดของ เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ ที่ระบุบนสิทธิบัตรนั้น นั่นก็คือ ขณะที่ผู้ใช้งานทำการถ่ายวิดีโออยู่นั้น ระบบเซนเซอร์จะทำการคำนวณระยะความลึก และพื้นผิว เพื่อทำการสร้างโมเดลเชิง 3 มิติ จากนั้น ทั้งภาพหรือวิดีโอจะถูกจับคู่ให้เข้ากับ โมเดลเชิง 3 มิติ และรวมกันเป็นภาพเชิง 3 มิติขึ้นมาครับ
ถ้าหาก Apple ได้ทำเทคโนโลยีดังกล่าว มาใช้กับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ทัน ปลายปีนี้ เราคงได้พบกับ กล้องบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่สามารถถ่ายภาพแบบ 3 มิติได้ครับ รวมไปถึง iPad รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวในปี 2013 อีกด้วย - t3.com
สำนักข่าว iMore ได้เปิดเผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะมีขนาดหน้าจอไม่แตกต่างไปจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ซักเท่าไหร่ อาจจะขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (และไม่น่าจะถึง 4.6 นิ้ว) แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ Dock Connector บน ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ครับ ซึ่งจะเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลง เป็นแบบ Micro Dock Connector แทน
ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวลือออกมาว่า Apple ไม่ค่อยพอใจกับขนาดของ Dock Connector เท่าที่ควร เนื่องจากกินเนื้อที่ภายใน (ข่าวเก่า) จึงอยากจะเปลี่ยน Dock Connector ให้มีขนาดที่เล็กลงครับ
นอกจากนี้ iMore ยังได้เผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 นี้ และรองรับการใช้งานเครือข่าย LTE อีกด้วย - macrumors.com
สำหรับชื่อของ iPad รุ่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า The new iPad (iPad 3) ไม่ใช่ iPad HD ตามข่าวลือ ทำให้ในตอนนี้ กระแสข่าวของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่คาดว่า จะเปิดตัวในปลายปีนี้ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ ได้ประเมินว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ ที่คาดกันว่า น่าจะชื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น อาจจะไม่ได้ใช้ชื่อนี้อีกต่อไปครับ แต่น่าจะเป็น "The new iPhone" ตามอย่าง The new iPad (iPad 3) นั่นเอง
โดยเว็บไซต์ 9to5Mac อ้างว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Apple ได้เผยว่า มีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่ Apple จะเรียก ไอโฟน 5 (iPhone 5) ว่า "The new iPhone - t3.com
สำหรับชิป Apple A5X ที่ใช้บน The new iPad (iPad 3) ที่เน้นการใช้งานด้านกราฟฟิคเสียส่วนมาก เนื่องจาก GPU ที่ใช้บน The new iPad (iPad 3) มีประสิทธิภาพระดับ Quad-core Processor ทำให้ The new iPad (iPad 3) นั้น สามารถใช้งานกราฟฟิค บนหน้าจอความละเอียดระดับ Retina Display ได้อย่างสบายๆ แต่นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง ได้เผยว่า ชิป Apple A5X นั้น มีความเป็นไปได้ที่ Apple จะผลิตมาเฉพาะ The new iPad (iPad 3) เท่านั้น เนื่องจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือ The new iPhone ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งานด้านกราฟฟิคหนักขนาดนั้น แต่น่าจะเป็นชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตรแทน ที่นอกจากจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วยครับ
ส่วนสาเหตุที่ Apple ต้องรีบเข็น The new iPad (iPad 3) มาเปิดตัวกับชิป Apple A5X เป็นเพราะว่า Apple รอชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตร ไม่ไหวนั่นเอง - MacWorld
กำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5)
สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวในต่างประเทศหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็น Macotakara จากญี่ปุ่น, Macrumors และ iMore ค่อนข้างให้ข้อมูลที่ตรงกัน โดยระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาครบรอบ Product cycle กับการเปิดตัว ไอโฟน 4S (iPhone 4S) พอดี
โดยเว็บไซต์ iMore นั้น เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ The new iPad (iPad 3) ไว้ว่า จะเปิดตัวในวันที่ 7 มีนาคม ที่จะถึงนี้อีกด้วยครับ
สเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5)
สเปคของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือในตอนนี้ ก็คือ หน้าจอทัชสกรีนแบบ Glass to glass หรือ Gorilla Glass 2 ซึ่งหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ถึงประมาณ 4 นิ้ว ใช้ชิพเซ็ท Apple A6 แบบ ARM Quad-core Processor รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปด้านหลัง ที่คาดว่า น่าจะมีความละเอียดสูงกว่า 8 ล้านพิกเซล บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อย่างแน่นอน นอกจากนี้ จะมีการเพิ่ม RAM และหน่วยความจำในตัวเครื่องอีกด้วย
นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการปรับปรุงสเปคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีข้อมูลระบุอีกว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะชูจุดเด่นด้าน NFC เป็นหลัก ถึงแม้ว่า เทคโนโลยีนี้ น่าจะถูกนำไปใช้กับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ก็ตาม (แต่สุดท้ายก็ยังไม่มี) ทำให้เกิดกระแสต่างๆ นานาว่า NFC น่าจะพร้อมแล้วสำหรับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) โดยจะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัท Mastercard อีกด้วย
ล่าสุด ได้มีนักออกแบบจาก Studio Antonio De Ros ได้ออกแบบภาพ mock up ไอโฟน ที่มีชื่อว่า iPhone SJ โดยตัวอักษร SJ นั้น ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Steve Jobs โดยดีไซน์และสเปคนั้น คล้ายๆ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือ นั่นก็คือ หน้าจอใหญ่ขึ้น ใช้ชิพประมวลผล Apple A6 แต่กล้องบน iPhone SJ นั้น มีความละเอียดถึง 10 ล้านพิกเซล ซึ่งเยอะกว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) เสียอีกครับ
อย่างไรก็ดี iPhone SJ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า จะเป็นต้นแบบของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือไม่ (อ่านข่าว iPhone SJ เพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่)
(หมายเหตุ: รูปด้านบน ใช้สำหรับการประกอบข่าวเท่านั้น ไม่ใช่ iPhone 5 เครื่องจริง)

รูป mock up ที่คาดว่า น่าจะเป็น ไอโฟน 5 (iPhone 5)
จากรูปด้านบนนั้น คือรูปเสมือนจริงของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ต่างคาดกันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะถูกออกแบบให้มีลักษณะนี้ นั่นคือ พื้นที่ของหน้าจอชิดขอบด้านข้าง ซึ่งทำให้มีลักษณะเหมือนกับว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนั่นเอง ในขณะที่ตัวเครื่องบางลง คล้าย iPad 2 หรือ iPod Touch Gen 4 ที่มีลักษณะโค้งมน นั่นเองครับ
เคสใส่ ไอโฟน 5 (iPhone 5)
อันที่จริงแล้ว เคสใส่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะได้เห็นภาพหลุดกันมาเยอะพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น เคสจากประเทศจีน รวมไปถึง เคสจาก Case-mate ที่มีข่าวออกมาแล้วว่า น่าจะเหมือนเครื่อง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตัวจริงมากที่สุดครับ นอกจากนี้ เว็บไซต์ AT&T โอเปอเรเตอร์ชื่อดังทางฝั่งสหรัฐอเมริกา ได้ใส่ชื่อสินค้าเคส ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยี่ห้อ Case-mate นี้ ลงไปในเว็บไซต์ด้วย ซึ่งรายละเอียดของเคสนั้น ค่อนข้างตรงกับเคสจาก Case-mate ด้วย จึงน่าจะเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่า รูปร่างของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น น่าจะเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะพอสมควรครับ
รายชื่อเคสสำหรับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) บนเว็บไซต์ AT&T
ราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5)
ณ ตอนนี้ ยังไม่มีข้อมูลด้านราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5) สรุปออกมานะครับ แต่เราก็สามารถคาดเดาราคาของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ว่า น่าจะไม่แตกต่างไปจากราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เปิดตัวเท่าไหร่ ซึ่งบางที อาจจะเปิดตัวด้วยราคาที่เท่ากันด้วยซ้ำไป


ขอมูลทั้งหมดจาก http://www.techmoblog.com/iphone-5/

วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เผยเงินเดือนเฉลี่ยต่อปีพนักงาน Apple ทุกตำแหน่งและอัตรา...อยากรู้ไปดูเลย!

เผยเงินเดือนเฉลี่ยต่อปีพนักงาน Apple ทุกตำแหน่งและอัตรา...อยากรู้ไปดูเลย!

Apple อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite น่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้ใครหลายคนเกิดแรงบันดาลใจในการผลักดันฉุดกระชากลาก ถูตัวเองให้ได้มีโอกาสไปทำงานกับบริษัท Apple ดูซักครั้งหนึ่งในชีวิต หลังมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานบริษัท Apple ในตำแหน่งต่างๆออกมาเป็นที่เนรียบร้อยแล้วผ่านทางเว็บไซต์ Cultofmac ซึ่งแม้ว่ารายรับของพนักงาน Apple อาจจะไม่สูงเท่ากับบริษัท IT ยักษ์ใหญ่แห่งอื่นๆ แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Apple ตอบแทนความสามารถของพนักงานในสังกัดได้อย่างสมน้ำสมเนื้อดีทีเดียวเชียว
ทั้งนี้สำหรับตัวเลขดังกล่าวก็จะยังเพิ่มมากขึ้นตามไปอีกสำหรับตำแหน่ง ผู้บริหารระดับสูงภายในบริษัท Apple เช่น Sir Jony Ive หรือ Scott Forstall เป็นต้น อย่างไรก็ตามเงินเดือนตัวเลขห้าหลักหกหลักเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆไป เลยหากเทียบกับรายได้ของ CEO สูงสุดของ Apple ไม่ว่าจะเป็น Steve Jobs หรือ Tim Cook ที่ต่างก็รับรายได้จากบริษัทเพียงปีละ $1 (30 บาท) เท่านั้นครับ
  • Apple Store Genius – $38,937
  • Lead Genius – $38,353
  • Assistant Apple Store Manager – $49,176
  • Account Executive – $75,324
  • Financial Analyst – $81,523
  • Software Quality Assurance Engineer – $87,651
  • Business Analyst – $87,768
  • Systems Engineer – $94,119
  • Project Manager – $94,652
  • Mechanical Engineer – $99,900
  • Senior Systems Engineer – $101,794
  • Software Engineer – $103,883
  • Firmware Engineer – $103,985
  • Test Engineer – $104,926
  • Hardware Engineer – $105,316
  • Database Administrator – $105,382
  • Production Design Engineer – $116,019
  • Product Manager – $118,556
  • Senior Hardware Engineer – $124,893
  • Senior Software Engineer – $126,325
  • Art Director – $133,664
ที่มา: cultofmac
ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบบทความโดย: ป๋าเอก TechXcite

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

xBackup ไม่ต้องลง app ใหม่จาก Cydia

วันนี้ จะมาแนะนำ app ที่ใช้สำหรับ backup app ที่เราลงจาก Cydia นะคะ สำหรับคนที่ชอบ restore บ่อย (ทั้งๆที่ไม่อยาก) อันเนื่องมาจากมือบอนนั่นเอง อิอิ นั่นคือ xBackup ค่ะ
app นี้สะดวกมาก หลังจากเจลเบรคเราไม่จำเป็นต้องมานั่งลงทีละแอปอีกต่อไป ทั้งเสียเวลา add source และ package มาดูวิธีใช้กันเลยค่ะ

1.โหลด xBackup จาก cydia ราคา $1.5 ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยค่ะ ของเค้าคุ้มจริงไรจริง



โหลดเสร็จจะได้ icon เป็นแบบนี้ค่ะ



2. เข้า app แล้วทำการ backup เลยค่ะ กดที่ backup ข้างล่างไป 1 จึ๊ก หลังจากกดเสร็จก็จะเห็นวันที่ที่เรากด backup ไว้นะคะ





3. เข้าไปที่ตัวจัดการไฟล์อย่าง i-funbox เข้าไปที่ path var>mobile>library จะเห็นว่ามี folder Cybackup อยู่ copy ไฟล์นี้ไว้ที่คอมตัวเองนะคะ



4.restore ได้เลยค่ะ re เสร็จก็ jailbreak ให้เรียบร้อย

5. เข้า cydia โหลด xBackup อีกครั้ง

6. เอา folder Cybackup ที่เราเก็บไว้ในคอมมาใส่ไว้ที่เดิมที่มันจากมา คือ path var>mobile>library

7.จากนั้นก็กดเข้า app เลย เลือก restore แล้วก็เลือกวันที่ล่าสุดที่เรา backup เลยค่ะ



กด restore



มันก็จะเข้าสู่กระบวนการ restore ของมันไป ปล่อยมัน ใช้เวลาค่อนข้างนานแปบนึงนะคะ จนกว่ามันจะ restore source และ packages เสร็จ



เสร็จกระบวนการแล้วจะขึ้นแบบนี้ค่ะ



8.จากนั้นก็เข้า cydia อีกรอบเข้าไปดู source กับ package มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม

ลอง ดูกันนะคะ app นี้ช่วยเราไว้เยอะเลยตอนอัปเป็น 4.3.3 รีเครื่องหลายรอบ แต่ก็ไม่ต้องเสียเวลาลงใหม่ แต่ถ้าเลือกได้ก็อย่าไปใช้แอปนี้บ่อยเลยเนอะ รางไม่ดี --*


หมายเหตุ: บาง app อาจจะต้อง reinstall อีกรอบนะคะ อย่าง keyboard พวกนี้ก็ต้อง reinstall อีกครั้งไม่ต้องตกใจ

ที่มาจากคุณ : yamachan ในเว็บบอร์ด iPhonemod

Jailbreak 5.1.1 แบบสมบูรณ์ (Untethered Jailbreak)

ตัว Jailbreak 5.1.1 แบบสมบูรณ์ (Untethered Jailbreak) ที่สามารถปิด-เปิดเครื่องเองได้ ไม่ต้องใช้คอมช่วย boot
ไม่ต้องเกริ่นมาก ไปดูวิธีการทำเลยดีกว่า

ควร Backup ข้อมูลก่อนลงมือทำ เราจะไม่รับผิดชอบหากเครื่องของท่านเกิดความเสียหายใดๆก็ตาม

เครื่องที่รองรับ
  • iPhone 3Gs
  • iPhone 4
  • iPhone 4 CDMA
  • iPhone 4S
  • iPad 1
  • iPad 2 Wifi
  • iPad 2 GSM
  • iPad 2 CDMA
  • iPad 2 Wifi, R2
  • iPad 3 Wifi
  • iPad 3 Global
  • iPad 3 CDMA
  • iPod 3G
  • iPod 4G
  • AppleTV 2

Downloads

[Update 26/5/55 Absinthe 2.0.1 แก้ Bug]
[Update 27/5/55 Absinthe 2.0.2 รองรับ iPhone4 iOS 5.1.1 (9B208)]
  • Download iTunes เวอร์ชั่นล่าสุด

วิธีอัพเกรดเป็น iOS 5.1.1
เครื่อง Unlock >> วิธีอัปเดต iOS 5.1.1 สำหรับเครื่องศูนย์ Truemove, Dtac, AIS และ Official Unlocked
เครื่อง Lock (Windows) >> [Lock] วิธีอัพเดท Firmware เป็น iOS 5.1.1 โดยไม่เปลี่ยน baseband (Windows)
เครื่อง Lock (Mac) >> [Lock] วิธีอัพเดท Firmware เป็น iOS 5.1.1 โดยไม่เปลี่ยน baseband (Mac)

ขั้นตอนการ Jailbreak
1. เปิดโปรแกรม Absinthe ver. 2.0 จะพบหน้าตาแบบนี้


2. เสียบ iPhone,iPad,iPod กับคอมพิวเตอร์ของคุณ (จะขึ้นรายละเอียดของเครื่องนั้น)


3. กดปุ่ม Jailbreak แล้วรอจนกว่าจะเสร็จ (ในขณะที่กำลังเจลเบรค จะมีลักษณะเหมือนการ restore backup และขึ้นข้อความ “Restoring in Progress” แต่ไม่ต้องไปสนใจ)




4. จากนั้นได้ไอคอน Cydia ที่หน้า home

5. Enjoy Untethered Jailbreak!!

วีดีโอสอนเจลเบรค

Tips

ใครมีปัญหา Beginning jailbreak, this may take a while รอนาน
เกิดจากเครื่องต้องจำลองไฟล์ backup ซึ่งถ้ามีข้อมูลนานมากก็รอนานมาก
ให้ Restore เป็นเครื่องใหม่ (จนถึงขั้นตอนรูปด้านล่าง แต่ยังไม่ต้องกด Setup as new iPhone)
แล้วไป Jailbreak ด้วย absinthe ให้เสร็จ(จะใช้เวลาไม่มาก ไม่เกิน 2 นาที)
แล้วค่อยกด restore from backup of : ….

หากติดปัญหา ERROR : Could not connect to lockdownd
1. เข้าไปที่ Settings > General > Reset > Reset All Content and Settings
2. ให้ลบไฟล์โฟลเดอร์ Absinthe 2.0 ออกจากเครื่องให้หมด แล้วดาวน์โหลดมาใหม่จะดีมากๆ
3. หาก reboot computer รอบ 1 จากนั้นค่อยเริ่มอีกครั้ง



ตอบปัญหาล้นหลาม หลังจาก Absinthe 2.0 ปล่อยออกมา

1. เจลทับได้ไหม?? > ไม่ได้ครับ ต้องอัพเดทเป็น 5.1.1 ก่อนแล้วเจลใหม่ แต่ถ้าใครพอใจที่ 5.0.1 ก็ใช้ไปครับ ไม่ต้องอัพเดทก็ได้
2. สมบูรณ์ไหม?? > สมบูรณ์ที่สุดในตอนนี้แล้วครับ ปิด-เปิดเครื่องได้แล้ว ในอนาคตอาจมีอัพเดท แก้ bug ได้ครับ
3. เครื่องรุ่นนี้เจลได้ไหม?? > เขียนไว้หมดแล้ว
4. เครื่อง Lock เจลได้ไหม?? > แนะนำให้รอ Redsn0w ออกก่อนแล้วใช้ตัวนั้นเจลจะดีกว่าครับ รู้สึก absinthe จะมีปัญหาเรื่อง Activated
5. ใช้ 5.1.1 เจลแบบ tethered อยู่แล้วทำไง?? > วิธีอัปเดต Tethered 5.1.1 เป็น Untethered Jailbreak iOS 5.1.1 ด้วย Rocky Racoon 5.1.1
6. iOS 5.1 เจลได้ไหม?? > ไม่ได้ทดสอบ แต่ขอตอบว่า ‘ไม่ได้’ ไว้ก่อนแล้วกัน
7. แนะนำ Source หน่อย?? > repo.insanelyi.com , iappdev.com/i , cydia.iphonemod.net
8. jailbreak แล้วทำไรต่อ?? > แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลสิครับ
9. keyboard ไทย 4 แถว ของคุณเรนโบว์ใช้ได้ไหม?? > ได้ครับ


ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก : iphonemod.net