หน้าแรก

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

xBackup ไม่ต้องลง app ใหม่จาก Cydia

วันนี้ จะมาแนะนำ app ที่ใช้สำหรับ backup app ที่เราลงจาก Cydia นะคะ สำหรับคนที่ชอบ restore บ่อย (ทั้งๆที่ไม่อยาก) อันเนื่องมาจากมือบอนนั่นเอง อิอิ นั่นคือ xBackup ค่ะ
app นี้สะดวกมาก หลังจากเจลเบรคเราไม่จำเป็นต้องมานั่งลงทีละแอปอีกต่อไป ทั้งเสียเวลา add source และ package มาดูวิธีใช้กันเลยค่ะ

1.โหลด xBackup จาก cydia ราคา $1.5 ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยค่ะ ของเค้าคุ้มจริงไรจริง



โหลดเสร็จจะได้ icon เป็นแบบนี้ค่ะ



2. เข้า app แล้วทำการ backup เลยค่ะ กดที่ backup ข้างล่างไป 1 จึ๊ก หลังจากกดเสร็จก็จะเห็นวันที่ที่เรากด backup ไว้นะคะ





3. เข้าไปที่ตัวจัดการไฟล์อย่าง i-funbox เข้าไปที่ path var>mobile>library จะเห็นว่ามี folder Cybackup อยู่ copy ไฟล์นี้ไว้ที่คอมตัวเองนะคะ



4.restore ได้เลยค่ะ re เสร็จก็ jailbreak ให้เรียบร้อย

5. เข้า cydia โหลด xBackup อีกครั้ง

6. เอา folder Cybackup ที่เราเก็บไว้ในคอมมาใส่ไว้ที่เดิมที่มันจากมา คือ path var>mobile>library

7.จากนั้นก็กดเข้า app เลย เลือก restore แล้วก็เลือกวันที่ล่าสุดที่เรา backup เลยค่ะ



กด restore



มันก็จะเข้าสู่กระบวนการ restore ของมันไป ปล่อยมัน ใช้เวลาค่อนข้างนานแปบนึงนะคะ จนกว่ามันจะ restore source และ packages เสร็จ



เสร็จกระบวนการแล้วจะขึ้นแบบนี้ค่ะ



8.จากนั้นก็เข้า cydia อีกรอบเข้าไปดู source กับ package มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม

ลอง ดูกันนะคะ app นี้ช่วยเราไว้เยอะเลยตอนอัปเป็น 4.3.3 รีเครื่องหลายรอบ แต่ก็ไม่ต้องเสียเวลาลงใหม่ แต่ถ้าเลือกได้ก็อย่าไปใช้แอปนี้บ่อยเลยเนอะ รางไม่ดี --*


หมายเหตุ: บาง app อาจจะต้อง reinstall อีกรอบนะคะ อย่าง keyboard พวกนี้ก็ต้อง reinstall อีกครั้งไม่ต้องตกใจ

ที่มาจากคุณ : yamachan ในเว็บบอร์ด iPhonemod

Jailbreak 5.1.1 แบบสมบูรณ์ (Untethered Jailbreak)

ตัว Jailbreak 5.1.1 แบบสมบูรณ์ (Untethered Jailbreak) ที่สามารถปิด-เปิดเครื่องเองได้ ไม่ต้องใช้คอมช่วย boot
ไม่ต้องเกริ่นมาก ไปดูวิธีการทำเลยดีกว่า

ควร Backup ข้อมูลก่อนลงมือทำ เราจะไม่รับผิดชอบหากเครื่องของท่านเกิดความเสียหายใดๆก็ตาม

เครื่องที่รองรับ
  • iPhone 3Gs
  • iPhone 4
  • iPhone 4 CDMA
  • iPhone 4S
  • iPad 1
  • iPad 2 Wifi
  • iPad 2 GSM
  • iPad 2 CDMA
  • iPad 2 Wifi, R2
  • iPad 3 Wifi
  • iPad 3 Global
  • iPad 3 CDMA
  • iPod 3G
  • iPod 4G
  • AppleTV 2

Downloads

[Update 26/5/55 Absinthe 2.0.1 แก้ Bug]
[Update 27/5/55 Absinthe 2.0.2 รองรับ iPhone4 iOS 5.1.1 (9B208)]
  • Download iTunes เวอร์ชั่นล่าสุด

วิธีอัพเกรดเป็น iOS 5.1.1
เครื่อง Unlock >> วิธีอัปเดต iOS 5.1.1 สำหรับเครื่องศูนย์ Truemove, Dtac, AIS และ Official Unlocked
เครื่อง Lock (Windows) >> [Lock] วิธีอัพเดท Firmware เป็น iOS 5.1.1 โดยไม่เปลี่ยน baseband (Windows)
เครื่อง Lock (Mac) >> [Lock] วิธีอัพเดท Firmware เป็น iOS 5.1.1 โดยไม่เปลี่ยน baseband (Mac)

ขั้นตอนการ Jailbreak
1. เปิดโปรแกรม Absinthe ver. 2.0 จะพบหน้าตาแบบนี้


2. เสียบ iPhone,iPad,iPod กับคอมพิวเตอร์ของคุณ (จะขึ้นรายละเอียดของเครื่องนั้น)


3. กดปุ่ม Jailbreak แล้วรอจนกว่าจะเสร็จ (ในขณะที่กำลังเจลเบรค จะมีลักษณะเหมือนการ restore backup และขึ้นข้อความ “Restoring in Progress” แต่ไม่ต้องไปสนใจ)




4. จากนั้นได้ไอคอน Cydia ที่หน้า home

5. Enjoy Untethered Jailbreak!!

วีดีโอสอนเจลเบรค

Tips

ใครมีปัญหา Beginning jailbreak, this may take a while รอนาน
เกิดจากเครื่องต้องจำลองไฟล์ backup ซึ่งถ้ามีข้อมูลนานมากก็รอนานมาก
ให้ Restore เป็นเครื่องใหม่ (จนถึงขั้นตอนรูปด้านล่าง แต่ยังไม่ต้องกด Setup as new iPhone)
แล้วไป Jailbreak ด้วย absinthe ให้เสร็จ(จะใช้เวลาไม่มาก ไม่เกิน 2 นาที)
แล้วค่อยกด restore from backup of : ….

หากติดปัญหา ERROR : Could not connect to lockdownd
1. เข้าไปที่ Settings > General > Reset > Reset All Content and Settings
2. ให้ลบไฟล์โฟลเดอร์ Absinthe 2.0 ออกจากเครื่องให้หมด แล้วดาวน์โหลดมาใหม่จะดีมากๆ
3. หาก reboot computer รอบ 1 จากนั้นค่อยเริ่มอีกครั้ง



ตอบปัญหาล้นหลาม หลังจาก Absinthe 2.0 ปล่อยออกมา

1. เจลทับได้ไหม?? > ไม่ได้ครับ ต้องอัพเดทเป็น 5.1.1 ก่อนแล้วเจลใหม่ แต่ถ้าใครพอใจที่ 5.0.1 ก็ใช้ไปครับ ไม่ต้องอัพเดทก็ได้
2. สมบูรณ์ไหม?? > สมบูรณ์ที่สุดในตอนนี้แล้วครับ ปิด-เปิดเครื่องได้แล้ว ในอนาคตอาจมีอัพเดท แก้ bug ได้ครับ
3. เครื่องรุ่นนี้เจลได้ไหม?? > เขียนไว้หมดแล้ว
4. เครื่อง Lock เจลได้ไหม?? > แนะนำให้รอ Redsn0w ออกก่อนแล้วใช้ตัวนั้นเจลจะดีกว่าครับ รู้สึก absinthe จะมีปัญหาเรื่อง Activated
5. ใช้ 5.1.1 เจลแบบ tethered อยู่แล้วทำไง?? > วิธีอัปเดต Tethered 5.1.1 เป็น Untethered Jailbreak iOS 5.1.1 ด้วย Rocky Racoon 5.1.1
6. iOS 5.1 เจลได้ไหม?? > ไม่ได้ทดสอบ แต่ขอตอบว่า ‘ไม่ได้’ ไว้ก่อนแล้วกัน
7. แนะนำ Source หน่อย?? > repo.insanelyi.com , iappdev.com/i , cydia.iphonemod.net
8. jailbreak แล้วทำไรต่อ?? > แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลสิครับ
9. keyboard ไทย 4 แถว ของคุณเรนโบว์ใช้ได้ไหม?? > ได้ครับ


ขอบคุณข้อมูลทั้งหมดจาก : iphonemod.net

iFunbox อีกหนึ่งทางเลือกในการจัดการไฟล์สำหรับ iPhone


       iFunbox อีกหนึ่งทางเลือกในการจัดการไฟล์สำหรับ iPhone สำหรับบางคนยังไม่รู้ว่ายังมีโปรแกรจัดการไฟล์สำหรับ iPhone ที่ใช้ได้ดีอยู่อีกตัวหนึ่งและเป็นที่นิยมใช้กันอยู่ ก็คือ iFunbox เครื่องที่ไม่ได้เจลเบรกก็สามารถใช้ได้นะครับ ในวันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีเอาแอปจากคอม ที่เราโหลดผ่าน iTune แล้วจะนำมาลงเครื่อง iPhone ของเรา วิธีนี้จะเหมาะกับคนที่นำเครื่องไปลงแอปจากที่ร้านมาแล้วจะมา sync กับคอมแล้วแอปจะหาย หรือใช้ไม่ได้ครับ สำหรับแอปที่จะเอาลงก็ต้องเป็น แอปที่เราโหลดผ่าน iTune จาก id ของเราเองนะครับที่จะลงได้ ส่วนที่โหลดด้วยไอดีคนอืนจะใช้ไม่ได้ครับ มาลองกันเลยดีกว่าครับ

1. โหลด iFunbox หลังจากโหดลแล้วก็ให้ติดตั้งให้เรียบร้อยครับ

2. เมื่อติดตั้งแล้วก็เสียบ iPhone ของเราเข้ากับเครื่องคอม และเปิดโปรแกรม iFunbox เราก็จะเห็นเป็นแบบนี้ครับ วิธีลงแอปก็ให้เลือกที่ Install App ครับ



 หลังจากกดที่ Install App ก็ให้เราเลือกแอปที่เราต้องการลงครับ


 เมื่อเลือกเสร็จแล้วโปรแกรมก็จะทำการติดตั้ง App ตัวที่เราเลือกและแจ้งว่าได้ติดตั้งเสร็๋จสมบูรณ์แล้วครับ


ง่ายหรือเปล่าครับ ไม่ยุ่งยากอะไรมากมายเลยใช่มั๊ยครับ ที่นี้คนที่ลงแอปจากที่ร้านก็ไม่ต้องมานั่งกังวลอีกต่อไปว่าแอปที่เราลงมาจะหายเมื่อเอามาต่อกับคอมแถมเรายัง ลงแอปที่เราโหลดมาจากคอมของเราเองลงในไอโฟนของเราได้อีกด้วย


ข้อควรระวัง : ก่อนที่จะทำการ sync ให้เราปิด iTune ก่อนนะครับไม่อย่างนั้นบางคนตั้ง Auto ไว้ iTuen จะ sync iPhone ของเราให้อัตโนมัติ แล้วจะเสียใจที่หลังนะครับ อิอิ


วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ใช้ Facebook อย่างปลอดภัยต้องตั้งค่าอย่างไร...คำตอบอยู่ที่นี่


ทุกวันนี้ Facebook  แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญกับชีวิตประจำวันของหลายคน  และด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ Facebook ในการเข้าจู่โจม  หรือจ้องขโมยข้อมูลของผู้ใช้งานที่ไม่ได้ระมัดระวังความปลอดภัยของตัวเอง  โดยจากการสำรวจพบว่าผู้ใช้เกือบ 13 ล้านคนในอเมริกาไม่เคยตั้งค่า  หรือไม่เคยรู้เลยว่า Facebook สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ และมีเพียง  37 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้ประโยชน์จากการตั้งค่านี้

และนอกจาก ใน อเมริกาแล้วพบว่าปัจจุบันมีผู้ใช้งาน Facebook ทั่วโลกแล้วมากกว่า 900  ล้านคนซึ่งมีจำนวนมากกว่าประชากรในประเทศส่วนใหญ่เสียอีก  และส่วนใหญ่ใช้การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเริ่มต้นที่ถูกกำหนดจาก Facebook  เป็นผู้เท่านั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ Facebook  จะเป็นแหล่งเข้าจู่โจมแหล่งใหญ่ และสะดวกที่สุดของเหล่าผู้ไม่ประสงค์ดี  ดังนั้นวันนี้ ESET จึงขออนุญาตแนะนำวิธีการตั้งค่าดังนี้ครับ

ปกป้องตัวคุณเอง

เมื่อ  Log in เข้า Facebook คุณจะสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัว (Privacy  Setting) ได้โดยกดเครื่องหมายลูกศรด้านข้างเมนู Home  ทางด้านขวาบนของหน้าเพจ


เมื่อเข้ามาแล้วก็จะพบว่าค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ “Public” (สำหรับคนที่ไม่เคยตั้งค่าอะไรเลย)


จาก ตรงนี้คุณสามารถตั้งค่าได้ด้วยตัวเองตามหัวข้อในแต่ละบรรทัดด้านล่าง  แต่เราขอแนะนำให้เลือกเป็น “Custom” ดีกว่า ซึ่งเมื่อกดเลือกที่ Custom  แล้วจะมีหน้าต่างปรากฎตามค่าเริ่มต้นขึ้นมาดังนี้


คุณ สามารถเปลี่ยนเป็นค่าอื่นได้ตามใจ  โดยอาจกำหนดรายชื่อเฉพาะคนที่สามารถมองเห็นโพสของคุณ  หรือกำหนดรายชื่อที่คุณไม่ต้องการให้มองเห็นโพสของคุณก็ได้  แต่ถ้าหากต้องการความปลอดภัยสูงสุดสามารถเลือกที่ “Only Me”  นั่นหมายถึงมีแต่คุณเท่านั้นที่มองเห็นโพส ซึ่งถ้าหากต้องการแชร์ข้อมูล  หรือรูปภาพใดๆก็สามารถระบุได้ภายหลังว่าจะให้ใครมองเห็นได้บ้าง


เมื่อ เลือกแล้วจะพบหน้าต่างลักษณะนี้ และจะสังเกตว่าถึงแม้ว่าจะตั้งเป็น Only Me  แล้วก็ตามแต่ถ้าคุณ Tag รูปไปหาเพื่อน  เพื่อนก็จะสามารถมองเห็นรูปนั้นได้เช่นกัน


ต่อมามาดูในส่วนการตั้งค่าการแชร์ข้อมูลส่วนตัวให้คนอื่นเห็น เริ่มต้นที่ Edit Setting ในหัวข้อ How You Connect


การตั้งค่าเริ่มต้นจะถูกตั้งค่าอยู่ที่ “Everyone” ตามรูปด้านล่าง


บรรทัด แรกคือการตั้งค่าให้คนอื่นสามารถค้นหาโดยใช้เห็นอีเมลล์  และเบอร์โทรศัพท์ที่คุณให้ข้อมูลไว้ได้  ต่อมาคือการตั้งค่าในการส่งคำขอเป็นเพื่อน  และบรรทัดสุดท้ายคือการตั้งค่าในการส่งข้อความใน Facebook  เราขอยกตัวอย่างการเปลี่ยนค่าดังรูปด้านล่างครับ


หลังจากกด Done แล้วกลับมาที่หน้าตั้งค่าแล้ว ไปตั้งค่าที่ “Profile and Tagging” กันต่อครับ


ตรง นี้เราสามารถกำหนดได้ว่าใครสามารถมาโพสที่หน้า Wall คุณ,  มองเห็นโพสที่คุณถูก Tag ใน Profile ได้หรืออื่น ๆ  ตามรูปจะเป็นค่าเริ่มต้นที่ Facebook กำหนดมา  โดยบรรทัดแรกคือการกำหนดบุคคลที่สามารถมาโพสที่หน้า Wall ของคุณ  ต่อมาคือการกำหนดบุคคลที่สามารถมองเห็นโพสอื่น ๆ บนโปรไฟล์ของคุณ  บรรทัดที่สามคือการตั้งค่าให้คุณตอบอนุญาตก่อนที่รูปที่คุณโดนแท็กจะปราก ฎบน โปรไฟล์ ต่อมาเป็นการตั้งค่าบุคคลที่สามารถมองเห็นโพสที่คุณถูก Tag  บนหน้าโปรไฟล์ของคุณ  บรรทัดที่ห้าคือการตั้งค่าให้คุณตอบอนุญาตก่อนในกรณีที่เพื่อน Tag  ชื่อเพิ่มในโพสของคุณ และสุดท้ายคือการตั้งค่า tag suggestion  เมื่อมีคุณอยู่ในรูปนั้น


เราขอลองเปลี่ยนค่าให้เป็นส่วนตัวมากขึ้นตามด้านล่าง


หัว ข้อต่อมาคือการเปลี่ยนความเป็นส่วนตัวของโพสเก่า ๆ  ทั้งหมดให้เป็นไปตามที่เราเพิ่งตั้งค่าเมื่อกี้นี้  ซึ่งเมื่อกดเลือกจะมีหน้าต่างขึ้นมาเตือนอีกครั้งหนึ่ง

สรุป:การ ตั้งค่าเหล่านี้คือการป้องกันพื้นฐาน  ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความปลอดภัยในข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ได้  ซึ่งจะสังเกตว่าการตั้งค่าไม่ได้ใช้เวลา  หรือความซับซ้อนมากมายนักและคงจะเป็นการดีกว่าการมานึกเสียดายหลังจาก ข้อมูล  หรือรูปภาพส่วนตัวของคุณถูกขโมยไปทำให้คุณเสียหายไปแล้ว

ขอบคุณข้อมูล จากคุณ : ESET Thailand

Facebook Camera แอปพลิเคชั่นกล้องโดยตรง จาก Facebook สำหรับคนรักการถ่ายภาพอัพลงเฟสโดยเฉพาะ


 
     เฟสบุ๊คได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นกล้องโดยตรง ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ง่ายและรวดเร็วต่อการอัพโหลดรูปภาพไปยังโซเชีย ลเน็ตเวิร์ก โดยที่ยังสามารถแก้ไขรูปภาพและค้นหาเพื่ออัพโหลดไปยังเพื่อนของคุณได้อีก ด้วย


    
   โดยเมื่อผู้ใช้เปิดกล้อง พวกเขาจะสามารถเห็นรูปภาพต่างๆที่เพื่อนหรือครอบครัวของพวกเขาได้ทำการอัพ โหลดไว้ ซึ่งเมื่อรูดไปที่ด้านข้างก็จะเผยภาพที่มากขึ้นในขณะที่เมื่อแตะที่ภาพก็จะ เป็นการขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ โดยแอปฯดังกล่าวยังจะช่วยให้ผู้ใช้อัพโหลดรูปภาพทีหลายๆภาพพร้อมกันในครั้ง เดียว แทนที่จะต้องมานั่งกดอัพโหลดรูปทีละภาพเหมือนอย่างแต่ก่อน ซึ่งกระบวนการง่ายๆทำได้โดย การแตะที่เครื่องหมายถูกที่ภาพที่ต้องการจะอัพโหลดในอัลบั้มภาพของคุณ โดยจะยังมีตัวเลือกให้สามารถเลือกแท๊กเพื่อนหรือเพิ่มคำอธิบายใต้ภาพก่อนที่ จะเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชนได้อีกด้วย โดยทีมงานยังได้แก้ไขคุณสมบัติพื้นฐานบางอย่าง อย่างเช่น ความสามารถในการตัด, หมุน และเลือกใส่ฟิลเตอร์จากทั้งหมดสูงสุด 15 ฟิลเตอร์ด้วยกัน โดยแอปฯดังกล่าวจะไม่มีการใช้คุณสมบัติใดๆเลยที่ดึงมาจาก Instagram เนื่องจากข้อตกลงยังไม่ได้รับการสรุป โดย Facebook Camera สามารถหาดาวน์โหลดได้แล้วผ่านทาง App Store สำหรับผู้ใช้ไอโฟน (รุ่น 3จีเอส หรือรุ่นสูงกว่า), ไอแพด (ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นแรก) และไอพอดทัชเจนสี่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ทั้งนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับชาวแอนดรอยด์ที่ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะมาถึงเมื่อไร

ที่มา : pantip

RIM ปฏิเสธแผนการอนุญาตการใช้ลิขสิทธิ์ BBM





     หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุ ว่า ริมกำลังพิจารณาขั้นตอนการอนุญาตใช้ลิขสิทธิ์ BlackBerry Messenger ลงบนสมาร์ทโฟนคู่แข่ง ล่าสุด มีการยืนยันออกมาแล้วว่า ริมได้ปฏิเสธแผนการอนุญาตการใช้ลิขสิทธิ์ดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย BlackBerry Messenger หรือ BBM นั้น คือ โปรแกรมการสนทนาที่มีการเข้ารหัส, เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของรีเสิร์จ อิน โมชั่น และเป็นบริการข้อความบนอินเทอร์เน็ตที่เข้ามามีบทบาทแทนที่การส่งข้อความ สั้นหรือ SMS แบบดั้งเดิมบนโทรศัพท์ทั่วไป 


     สำหรับแผนการดังกล่าว เป็นที่รู้จักกันดีในนามของ 'SMS 2.0' ที่ซึ่งถูกยกการพิจารณา เนื่องจากต้นสังกัดมีความเป็นกังวลว่าคู่แข่งที่สามารถเข้าถึง BBM ได้ จะทำให้แบล็คเบอร์รี่โอเอสมีความน่าสนใจลดน้อยลง เนื่องจาก BBM ถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของริมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ด้วยยอดผู้ใช้จากเดิม 5.3 ล้านคน เป็น 55 ล้านคน ตั้งแต่ปี 2009 ก่อนที่มาร์เก็ตแชร์ของสมาร์ทโฟนจะค่อยๆ ลดลงจาก 50% เหลือน้อยกว่า 10% ตามการประเมินจากบริษัทวิจัยไอดีซีเมื่อเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้ริมจะยังคงมีท่าทีที่อ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่องในตลาด และพลาดท่าให้แอนดรอยด์ และแอปเปิ้ลช่วงชิงตลาดได้ แต่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากแคนาดาก็ยังคาดหวังว่าระบบปฏิบัติการตัวใหม่ BlackBerry OS 10 ที่กำลังจะมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ จะสามารถเขย่าอุตสาหกรรมให้กระเตื้องขึ้นได้ 

ที่มา : pantip

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อภิมหา Wi-Fi เร็วสุดยอด

ทุกวันนี้คนใช้อินเตอร์เน็ตในการโหลดข้อมูลและสื่อดิจิตอลเพิ่มมากขึ้น ทุกปี นั่นทำให้ความต้องการความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูลก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน



กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จาก Tokyo Institute of Technology ประเทศญี่ปุ่นได้ประสบความสำเร็จในการทำลายสถิติความเร็วของ Wi-Fi ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 15-20 เท่า ถือว่าเร็วกว่ามาตรฐาน 802.11ac Wi-Fi รุ่นต่อไป ด้วยการใช้ย่านความถี่ Terahertz band ที่ยังไม่มีการควบคุมมาใช้ส่งข้อมูล ทางนักวิจัยได้ทำความเร็วไปแตะที่ 3GB ต่อวินาที ซึ่งทำลายสถิติเดิมที่ 1.5GB/วินาทีที่บริษัท ROHM ทำไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2011 ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว Terahertz band ยังมีที่ว่างมากพอเพื่อไปแตะความเร็วที่ 100GB ต่อวินาทีได้ซึ่งสถิติใหม่ที่ทำได้ยังห่างไกลจากจุดนั้นอีกมากมาย

ย่านความถี่ Terahertz band หรือที่รู้จักกันในชื่อ T-Rays ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านการวิจัย สิ่งที่เหมือนกับคลื่น X-Rays ก็คือ เราสามารถใช้คลื่นนี้เคลื่อนที่ทะลุผ่านวัตถุเพื่อสร้างเป็นภาพออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตาม T-Rays จะทิ้งพลังงานตกค้างน้อยกว่า X-Rays จึงทำให้มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่า ก่อนหน้าที่จะมีการพัฒนาอุปกรณ์ สำหรับย่านความถี่ Terahertz โดยนักวิจัยญี่ปุ่นครั้งนี้ เทคโนโลยีที่ใช้สำหรับการส่ง T-Ray ยังห่างไกลต่อการนำมาใช้กับเร้าท์เตอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อย่าง แล็ปท็อป, แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน แต่อุปกรณ์เวอร์ชั่นที่ทางทีมนักวิจัยของญี่ปุ่นได้พัฒนาขึ้นมาครั้งนี้ถือ ว่าเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการผลักดันให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำย่าน ความถี่ Terahertz band มาใช้ในเชิงพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้านหรือหน่วยงานธุรกิจ



แม้ว่าตอนนี้การส่งสัญญาณผ่าน Terahertz band ยังใช้งานได้ในระยะทางไม่เกิน 30 ฟุต แต่มันก็ยังเพียงพอต่อการสร้างระบบความบันเทิงไร้สายภายในบ้าน ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งอุปกรณ์ Terahertz band เอาไว้ข้างๆอินเตอร์เน็ตทีวี เพื่อดาวน์โหลดภาพยนตร์ระดับ Full HD 1080p ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ถ้าหากอุตสาหกรรม consumer electronics ประสบความสำเร็จในการตอกย้ำให้ผู้บริโภคอัพเกรดระบบทีวีให้กลายเป็นระบบ 4K television ที่ความละเอียดสูงกว่า Full HD ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าแล้ว Terahertz band ก็จะมีประโยชน์อย่างมหาศาล เช่น คุณสามารถดาวน์โหลดตัวอย่างภาพยนตร์ขนาด 500GB ได้ในเวลาแค่สองนาทีครึ่งเท่านั้น


VIA    dailygizmo.tv  digitaltrends